หลังจากที่ได้พูดถึงประเภทของสิวกันไปพอสมควร วันนี้มาพูดถึงยารักษาสิวที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพค่อนข้างดี นั่นก็คือ Differin หรือหลายคนเรียกว่า ดิฟฟารีน ถ้าใครได้ไปหาหมอรักษาสิวมาก่อนก็มีโอกาสสูงที่น่าจะเคยได้ยินชื่อยาตัวนี้เพราะมีการแจกจ่ายให้ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งโรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ แต่ยังไงก็ยังต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ไม่แนะนำให้ไปซื้อมาทาเองเพราะอาจเกินอาการแพ้ได้หากใช้ไม่ถูกต้อง
ดิฟฟารีน (Differin) คืออะไรและช่วยในเรื่องอะไรได้บ้าง?
Differin หรือ ดิฟฟารีน เป็นยาทาสิวกลุ่ม Retinoids ที่มีส่วนผสมของสารอะดาพาลีน (Adapalene) เป็นอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ คือสามารถช่วยให้ผิวของเราสามารถผลัดเซลล์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นยาสำหรับใช้กับผิวหยังภายนอกของร่างกาย นิยมใช้กับผู้ที่มีปัญหาสิวอายุ 12 ปีขึ้นไป ได้รับรองจาก FDA มากว่า 30 ปีแล้ว
Differin มีประโยชน์ในการรักษาสิวอุดตัน ทั้งในด้านป้องกัน ลดการอุดตัน การรักษา และการผลัดเซลล์ผิวหนัง ซึ่งหากสิวอุดตันลดลง โอกาสในการเกิดสิวอักเสบก็ลดลงเช่นกัน ทำให้สุขภาพผิวในภาพรวมดีขึ้น (อ้างอิงจากข้อมูลบน differin.com)
ตัวยามีลักษณะเป็นเจลสีขาว (water-based) ปราศจากน้ำมัน กลิ่นน้ำหอม และแอลกอฮอล์ สามารถบีบมาประมาณถั่วเขียวและเกลี่ยให้ทั่วบริเวณที่เป็นสิว ไม่ควรโปะหนาๆ
Differin สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่อยากให้ลองอ่านวิธีการใช้ รวมถึงข้อควรระวังก่อน ไม่ควรใช้เองโดยไม่รู้ถึงวิธีการใช้งานหรือโทษของยา ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสิวที่เกิดขึ้นนั้นเหมาะสำหรับการใช้ Differin หรือเปล่า
ยา Differin ใช้ยังไง?
วิธีใช้ Differin ควรเป็นไปตามที่แพทย์ให้คำแนะนำ โดยใช้งานให้ถูกต้องตามที่มีเขียนไว้ในฉลากยา ข้อสำคัญก็คือ ไม่ควรใช้ยาในปริมาณที่มากเกินไปหรือนานเกินไปกว่าที่แนะนำไว้ เพราะการใช้ยาเกินขนาดนอกจากที่จะไม่ได้ช่วยให้การรักษาเร็วขึ้นแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดตามมาได้ด้วย เช่น แสบหน้า หน้าแห้ง หน้าลอก เป็นต้น
รายละเอียดของวิธีใช้ differin อย่างถูกต้อง มีดังต่อไปนี้
- ดิฟฟารีนเป็นยาสำหรับใช้ทาภายนอกบริเวณผิว ห้ามรับประทาน
- โดยปกติแล้วควรทาดิฟฟารีน 1 ครั้งต่อวันในช่วงเย็นหรือก่อนหน้า หรือตามแพทย์แนะนำ
- ล้างมือให้สะอาดก่อนทายา
- ไม่ควรใช้สบู่ล้างหน้าที่แรงเกินไปเพราะอาจยิ่งทำให้ผิวแห้ง แสบ หรือคัน
- บีบตัวยาเป็นเลเยอร์บาง ๆ แล้วทาไปที่บริเวณผิวให้ทั่วบริเวณที่เป็นสิว ไม่ใช่แค่ทาเฉพาะตรงที่สิวขึ้นเป็นจุด ๆ เท่านั้น โดยให้ระวังไม่ให้เข้าที่บริเวณดวงตา ปาก หรือจมูก ซึ่งหากใครเป็นสิวที่จมูกต้องทายาอย่างระวัง อย่าให้ไปถึงร้องจมูกหรือจุดที่บอบบาง
- ไม่ควรทารอบดวงตาหรือร่องจมูกเพราะอาจแสบและแพ้ได้
- ห้ามทายาที่บริเวณที่เป็นแผลหรือมีอาการแสบจากการโดนแดดแรง ๆ รวมทั้งผิวที่มีอาการแห้งและระคายเคืองด้วย
- หากใช้แล้วผิวมีอาการแห้งสามารถใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ทาผิว แต่ให้หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของอัลฟาไฮดรอกซีหรือกรดไกลโคลิก
- เมื่อทายาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เก็บยาพ้นจากความร้อนและความชื้น โดยที่ไม่แช่เย็นไว้ในตู้เย็น
การทายาสิวดิฟฟารีนอาจต้องใช้เวลานานหลายอาทิตย์ก่อนที่สิวจะค่อย ๆ หาย เพราะฉะนั้นแนะนำให้ใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นในที่สุด อย่างไรก็ตาม หากลองใช้ยาแล้วเป็นเวลานาน 8-12 อาทิตย์แต่ก็ยังไม่หาย ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป
ข้อควรระวังในการใช้ดิฟฟารีน (Differin)
ไม่ควรใช้ Differin หากคุณมีอาการแพ้ต่อสารอะดาพาลีน (Adapalene) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถใช้ยาตัวนี้ได้ ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนกว่าตามเงื่อนไขทางการแพทย์ของคุณก่อนว่าสามารถใช้ตัวยาตัวนี้ได้ไหม
อย่างเช่นในกรณีที่คุณกำลังตั้งครรภ์ สารอะดาพาลีนอาจถูกส่งผ่านไปยังน้ำนมที่ให้กับลูกน้อยและอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังตั้งครรภ์และต้องให้น้ำนมบุตร ก็ไม่ควรใช้ยาดิฟฟารีน นอกจากนั้นแล้ว คุณสามารถใช้ตัวยาดิฟฟารีนได้สำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพิ่มเติมก็คือการหลีกเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น สบู่ แชมพู สารทำสีผม หรือคลีนเซอร์ที่มีฤทธิ์รุนแรง หรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์, สมุนไพร หรือมะนาว นอกจากนั้นแล้วก็ให้หลีกเลี่ยงการโดนแดดหรือแสง UV ต่าง ๆ เพราะตัวยาที่ใช้ทำให้ผิวของคุณมีความอ่อนไหวต่อแสงที่ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถระมัดระวังมากขึ้นได้ด้วยการใส่หมวกหรือเสื้อผ้าที่ปกคลุมจากแสงแดด
ถ้าสิวหายแล้วหยุดใช้ Differin ได้หรือเปล่า
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ Differin อย่างต่อเนื่องถึงอาการสิวจะดีขึ้นแล้วก็ตามเพื่อป้องกันการเห่อขึ้นมาอีกในอนาคต การใช้ Differin ต่อเนื่องจะช่วยลดรอยแดงบนผิวหน้าที่เกิดจากสิว ลดการเกิดสิวหัวดำและสิวอุดตัน
และนี่ก็คือยา Differin ยาทาสิวที่มีส่วนผสมของสารอะดาพาลีน (Adapalene) ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA มานานกว่า 30 ปี และถูกผลิตและจัดจำหน่ายมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี โดยเป็นยาที่มีคุณประโยชน์หลายประการ เป็นตัวยาในกลุ่มเรตินอยด์ที่แนะนำให้ใช้โดยแพทย์ทางผิวหนึง เพราะสามารถแก้ปัญหาได้จากต้นเหตุ กำจัดสิวได้ในระดับลึกถึงรูขุมขน และป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นซ้ำอีก นอกจากนั้นก็ยังสามารถฟื้นฟูสภาพและโทนสีผิวได้อีกด้วย
